คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
การที่จะเปลี่ยนความคิดของคนคนนึง ที่ยึดถือในสิ่งใดสิ่งนึงมากๆๆๆๆ จะเปลี่ยนยากมากค่ะ แต่เปลี่ยนได้นะค่ะ จขกท.ต้องพยายามอธิบายค่ะ ไม่ใช่คล้อยตาม. เพราะอย่าลืมว่า นั่นชีวิตเราทั้งชีวิต และนั่นคือการทำมาหากินเพื่อเลี้ยงแม่ในอนาคตด้วย ถ้าเราฝืน เราจะฝืนได้แค่ไหน.
1.ทั้งเราและแม่ ต้องฟังธรรมะในยูทูปกันบ่อยๆค่ะ สวดมนต์บ้าง จะทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้น และต่างคนต่างยึดติดกันน้อยลง จะอ่อนลงทั้งคู่ค่ะ ในเรื่องความยึดติดนะค่ะ
2.ขอเหตุผลจากแม่ค่ะ ขอคุยกับท่านตรงๆ หนูขอทราบเหตุผลจริงๆได้ไหม ทำไมต้องครูเท่านั้น อาชีพนี้มุมมองแม่จะทำให้มั่นคง เป็นหน้าเป็นตา มีรายได้แค่ไหน
3.ทีนี้พอเราทราบเหตุผลที่ชัดเจนจริงๆก็เอามาหาข้อมูลเลยค่ะ แล้วไปคุยกับแม่ แม่ค่ะ สมัยนี้ข้าราชการครูรายได้เท่าไหร่ เด็กๆสมัยนี้สอนยากไหม เวลาที่หนูเครียดจากงาน ไม่ไหว หนูร้องไห้กับแม่ได้ไหมค่ะ แม่สงสารหนูไหม ถ้าหนูร้องไห้ทุกอาทิตย์เลย เครียดจากงาน ไหนจะต้องเรียนป.โทใหม่ เสียเงินอีก เวลาจะดูแลแม่ก็แทบไม่มีนะค่ะ แต่ถ้าหนูเป็นนักวิจัยหรือ...รายได้เท่าไหร่ หนูชอบอาชีพนี้ หนูก็จะไม่เครียดเลยนะค่ะ มีเงินมากมายมาดูแลแม่ พาแม่ไปเที่ยว มีหน้ามีตามีความมั่นคงเหมือนกัน แต่หนูมีความสุขในการทำงาน และมีเวลาดูแลแม่ด้วยนะค่ะ
*** ต้องรู้เหตุผลว่าแม่ฝังใจอยากให้เป็นครูเพราะอะไร ต่อมาก็เอาเหตุผลมาแก้ทีละข้อ แม่รักลูก ท่านจะไม่อยากเห็นเราทุกข์ เหมือนที่เราไม่อยากเห็นท่านทุกข์ค่ะ แต่ตอนนี้ท่านคิดว่าอาชีพนี้จะดูแลลูกท่านได้ดีที่สุด ท่านหวังไว้ด้วยว่าลูกจะเป็นครูมานานแล้ว ก็ต้องค่อยๆคุยนะค่ะ มีธรรมะ และมีสติค่ะ ฟังธรรมะในยูทูปบ่อยๆค่ะ แชร์ให้แม่ฟังด้วยนะค่ะ
1.ทั้งเราและแม่ ต้องฟังธรรมะในยูทูปกันบ่อยๆค่ะ สวดมนต์บ้าง จะทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้น และต่างคนต่างยึดติดกันน้อยลง จะอ่อนลงทั้งคู่ค่ะ ในเรื่องความยึดติดนะค่ะ
2.ขอเหตุผลจากแม่ค่ะ ขอคุยกับท่านตรงๆ หนูขอทราบเหตุผลจริงๆได้ไหม ทำไมต้องครูเท่านั้น อาชีพนี้มุมมองแม่จะทำให้มั่นคง เป็นหน้าเป็นตา มีรายได้แค่ไหน
3.ทีนี้พอเราทราบเหตุผลที่ชัดเจนจริงๆก็เอามาหาข้อมูลเลยค่ะ แล้วไปคุยกับแม่ แม่ค่ะ สมัยนี้ข้าราชการครูรายได้เท่าไหร่ เด็กๆสมัยนี้สอนยากไหม เวลาที่หนูเครียดจากงาน ไม่ไหว หนูร้องไห้กับแม่ได้ไหมค่ะ แม่สงสารหนูไหม ถ้าหนูร้องไห้ทุกอาทิตย์เลย เครียดจากงาน ไหนจะต้องเรียนป.โทใหม่ เสียเงินอีก เวลาจะดูแลแม่ก็แทบไม่มีนะค่ะ แต่ถ้าหนูเป็นนักวิจัยหรือ...รายได้เท่าไหร่ หนูชอบอาชีพนี้ หนูก็จะไม่เครียดเลยนะค่ะ มีเงินมากมายมาดูแลแม่ พาแม่ไปเที่ยว มีหน้ามีตามีความมั่นคงเหมือนกัน แต่หนูมีความสุขในการทำงาน และมีเวลาดูแลแม่ด้วยนะค่ะ
*** ต้องรู้เหตุผลว่าแม่ฝังใจอยากให้เป็นครูเพราะอะไร ต่อมาก็เอาเหตุผลมาแก้ทีละข้อ แม่รักลูก ท่านจะไม่อยากเห็นเราทุกข์ เหมือนที่เราไม่อยากเห็นท่านทุกข์ค่ะ แต่ตอนนี้ท่านคิดว่าอาชีพนี้จะดูแลลูกท่านได้ดีที่สุด ท่านหวังไว้ด้วยว่าลูกจะเป็นครูมานานแล้ว ก็ต้องค่อยๆคุยนะค่ะ มีธรรมะ และมีสติค่ะ ฟังธรรมะในยูทูปบ่อยๆค่ะ แชร์ให้แม่ฟังด้วยนะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
คุยกับแม่ยังไงดี แม่ชอบหาว่าเราไม่เชื่อฟัง แล้วยิ่งเราอธิบายก็ยิ่งเหมือนเราบาปมาก เราคงเป็นลูกที่เลวใช่ไหม?
ดิฉันก็อายุ 25 ปีแล้ว ปัจจุบันกำลังเรียนป.โท คณะวิทยาศาสตร์ สาขาชีววิทยา
และพอมีเงินทุนสนับสนุนในการเรียนต่อบ้าง และจากการหาสอนพิเศษบ้างเพื่อให้มีเวลามาทำวิจัยและอ่านเปเป้อได้ และลดรายจ่ายทางบ้าน
ปัจจุบันก็ใกล้จะจบแล้ว อยากมีการงานที่ดีกว่าพ่อกับแม่ เลยอยากจะให้การศึกษาเป็นใบเบิกทางอาชีพ
แต่ด้วยความเป็นลูกคนเดียว แม่คงหวังมากเลยอยากจะให้เป็นข้าราชการครู
แม่ก็จะให้ดิฉันเป็นครูหรืออาจารย์อย่างเดียวเลย ซึ่งดิฉันไม่ได้ชอบทางนี้เท่าไร
แล้วอีกอย่างสมัครครู สควค ก็ต้องมาเรียนป.โทใหม่อีกรอบ ดิฉันก็ไม่ต้องการเรียนอีก
ถ้าจะเรียนก็ทำงานก่อนสักปีสองปี และก็หาทุนเรียนป.เอกไปเลยไม่ดีกว่าหรอ (ในความคิดดิฉันคิดแบบนี้)
ดิฉันอยากเป็นข้าราชการในสายงานอื่นมากกว่า เช่น นักวิจัย เป็นต้น
แต่ยิ่งคุยกันแม่ก็ยิ่งโมโหแล้วหาว่าดิฉันไม่เชื่อฟัง หาว่าเชื่อคนอื่นมากกว่า
ซึ่งดิฉันไม่ได้เชื่อใคร ดิฉันคิดเอง แต่แม่ไม่เข้าใจ แล้วแม่ก็ร้องไห้ เหมือนผิดหวังมาก
คือตอนแรกดิฉันพยายามเออ ออ แม่ไปก่อน ในหลายๆเรื่องเพื่อให้แม่สบายใจ และพยายามไม่ตอบไลน์แม่ แค่ส่งสติกเก้อ สู้ๆ กับรักแม่ไป
แต่สุดท้ายแม่ก็วนมาถามคำถามเดิม จะต้องเป็นครูหรืออาจารย์เท่านั้น ไม่งั้นจะขายบ้าน (แม่ก็อ้างไปเรื่อย)
คือดิฉันเครียด ดิฉันทำทุกวันนี้ก็เพื่อแม่ อยากให้แม่สบาย แต่ดิฉันบาปมากใช่ไหมคะ ดิฉันเเย่มากใช่ไหม
ดิฉันควรทำยังไงงดีคะ ดิฉันอยากให้แม่เข้าใจและสบายใจ